Loading...
Loading...

ตุ๊กกายชนิดใหม่ที่พบในประเทศไทย

วันนี้ขออนุญาตนอกเรื่องปลา เนื่องจากเพิ่งมีการบรรยายลักษณะอนุกรมวิธานตุ๊กกายชนิดใหม่ที่พบในประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า Cyrtodactylus panitvongi ชื่อวิทยาศาสตร์ panitvong ตั้งชื่อเป็นเกียรติกับ ดร.นณณ์​ ผาณิตวงศ์ หรือ แอด น. ของเพจเราครับ
ที่มาของน้องตุ๊กชนิดใหม่ของไทย:-
1.ผมรู้จักชื่อตุ๊กกายครั้งแรกจากพี่น๊อท คุณมนตรี สุมณฑา ตอนที่เริ่มทำเว็บไซท์ siamensis.org มาได้สักปีสองปี
ด้วยความที่กลุ่มมนุษย์ที่เริ่มก่อตั้งกลุ่มตอนนั้นเป็นสายสัตว์น้ำเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกเราไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่นมากนัก จนกลุ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและมีพี่น้องเพื่อนฝูง เข้ามารวมแจมและเรียนรู้สัตว์กลุ่มอื่นๆไปด้วยกัน และหนึ่งในมนุษย์ชุดนั้นก็มีพี่น๊อทอยู่ด้วย แกเข้ามาแล้วแนะนำให้พวกเรารู้จักกับกลุ่มสัตว์ประหลาดมหัศจรรย์ที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน จนจุดประกายให้ผมต้องซื้อไฟฉายและเริ่มออกเดินป่าเข้าถ้ำตอนกลางคืน
ทริปแรกที่ผมออกเดินกลางคืนเพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าตุ๊กกาย เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2546 ก็ 21 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเลิกงานตอนเย็นก็ขับรถออกจากบ้านไปกับเพื่อนอีกสองคน กว่าจะถึงหมายที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ริมเขาหินปูน มีถ้ำ มีป่าช้า ก็มืดค่ำแล้ว ตุ๊กแก ตุ๊กกาย จิ้งจกดิน หน้าตาเป็นยังไง แยกอะไรกันยังไง ไม่รู้เลย สมัยนั้นภาพก็ไม่มีให้ดู ได้แต่เดินไป โทรหาพี่น๊อทไปเรื่อยๆ ว่าแต่ละตัวมันหน้าตาเป็นยังไง อยู่กันที่ไหนบ้าง ส่องไปกล้าๆกลัวๆ กลัวสัตว์มีพิษ กลัวผี กลัวอะไรไปเรื่อยๆ
คืนนั้นจบด้วยการเจอตุ๊กกายชนิดแรกในชีวิต เจอจิ้งจกดินครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน และเป็นครั้งแรกที่รู้จักตุ๊กแกชนิดที่ไม่ใช่ตุ๊กแกบ้าน สวยมาก ตื่นเต้นมาก และได้ประสบการณ์ในการเดินในพื้นที่กึ่งธรรมชาติตอนกลางคืนเป็นครั้งแรกในชีวิต
จากคืนนั้นเกิดความผูกพันขึ้นมา สองสิ่งในชีวิต หนึ่งคือเขาหินปูน เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของระบบนิเวศนี้ และอีกสิ่งคือ ตุ๊กกาย มันเป็นสัตว์ที่สวยงาม แปลกตา หายาก ไม่ค่อยมีใครรู้จัก Fantastic beast ที่แท้ทรู
2.จากนั้นอีกสิบกว่าปีต่อมา ผมเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ไปตามเขาหินปูนมากมาย ได้พบเจอกับตุ๊กกายอีกมากมายหลายชนิด บางชนิดเป็นชนิดใหม่ของโลก และก็มีส่วนในการได้ร่วมตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ เช่น ตุ๊กกายตาแดง ที่แม่ฮ่องสอน ตุ๊กกายเข็มขัดทอง ที่พิษณุโลก ตุ๊กกายไทรโยค และอีกหลายๆตุ๊ก
คืนนั้นที่สระบุรีและอีกหลายๆค่ำคืนที่เดินขึ้นลงเขาหินปูน ถ้ำลูกแล้วลูกเล่า ทำให้ผมอยากอนุรักษ์ความหลากหลายที่สำคัญเหล่านี้ไว้ และตอนที่ไปเรียนป.เอก ตอนแรกก็คิดว่าจะทำเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพบนเขาหินปูนในเขตจังหวัดสระบุรีนี่แหล่ะ แต่ทำไปทำมา ก็ไปจบที่งานวิจัย นิเวศของตุ๊กกายถ้ำเขาวงแทน ซึ่งก็วนเข้าลูปไปสู่มนุษย์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาสนใจสัตว์กลุ่มนี้ เพราะเป็นตุ๊กกายชนิดที่ชื่อวิทยาศาสตร์ ตั้งชื่อเป็นนามสกุลของพี่น๊อท
ปีกว่าที่เดินขึ้นลงเขาวง ที่อช.เขาชะเมา-เขาวง รอยต่อจังหวัดระยองและจันทบุรี มีเพื่อนฝูงมากมายมาช่วยเหลือ กลางวันรอบ กลางคืนรอบ เดือนละสองครั้ง 14 เดือน ผมไม่เคยต้องเดินคนเดียวเลย มีเพื่อนฝูงมาร่วมแชร์ประสบการณ์ มาช่วยนับวัดส่องจด ทุกวันไม่เคยขาด ในช่วงปีกว่านั้น ผมจับตุ๊กกายมานับวัดมาร์คปล่อยไปหลายร้อยตัว ถ่ายรูปลายที่หัวมันมาทุกตัว แล้วมานั่งเทียบทีละรูปๆ เป็นพันรูป ดูว่าแต่ละตัว มันเคลื่อนที่ไกลไปจากจุดที่เจอครั้งแรกไหม มันตัวโตขึ้นไหม มันท้องไหม ไข่ไปยัง ใช้เวลาเขียนอยู่อีกเป็นปี สรุปว่าเรียนป.เอกไปทั้งหมดหกปีกว่าถึงจะจบมาได้ ทุกวันนี้มันยังเป็นงานวิจัยเดียวที่ศึกษาสัตว์ในกลุ่มนี้ทั้งปี ได้วงจรชีวิต อัตราการเติบโต ฤดูกาลสืบพันธุ์ วางไข่ การย้ายถิ่นอาศัย ฯลฯ
พอเขียนวิทยานิพนธ์จบ ตีพิมพ์เปเปอร์ ผมเหมือนหมด passion ไปในวันนั้นเลย หัวโล่งๆ และก็ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะออกเดินทางขึ้นเขาหินปูนหาอะไรใหม่อีก
3.หลายปีผ่านไป จนกระทั่งเมื่อสักสองปีที่แล้ว ทีม “อ่านป่ากับหมอหม่อง” ได้ไปถ่ายทำสารคดี ณ จุดเริ่มต้นของผม เขาหินปูนนั้นถ้ำนั้นสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มนั้น ที่สระบุรี เหมือนมีมนต์อะไรสักอย่าง ผมเข้าใจว่าเทปนั้นทำให้ใครหลายคน เริ่มออกเดินทาง ตามรอยที่นักสำรวจ/วิจัยตั้งแต่ยุคหมอบุญส่ง เลขะกุล ได้เดินตามกันมา มีคนรุ่นใหม่ที่ออกเดินป่าเข้าถ้ำกลางคืน ส่องหาสัตว์กลางคืน ตามหาถ่ายรูปน้องตุ๊กน้องจิ้งทั้งหลายกันอีกชุด หลังจากที่ผมหมดไฟไป
และภาพก็ตัดมาถึงอาทิตย์นี้ ที่เราได้มีการบรรยายตุ๊กกายชนิดใหม่ของประเทศไทยอีกสามชนิดด้วยกัน แม้นจะมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบรรยายสองชนิด และตั้งชื่อให้ผมชนิดหนึ่ง แต่ผมมีส่วนจริงๆอยู่สองชนิดและขอถือโอกาสนี้เล่าให้ฟัง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นเยี่ยงอย่างก็แล้วแต่ผู้อ่านครับ
4.Cyrtodactylus meesookae ตุ๊กกายถ้ำเขาน้ำพุ ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้เป็นเกียรติกับอ.วรวิทู มีสุข ชนิดนี้ พูดได้เต็มปากเต็มคำในระดับหนึ่งว่าเจอเป็นคนแรก (ตุ๊กกายนะ ส่วนตัวอ.วรวิทู ยังไม่เคยเจอแหะ!) ตัวนี้เริ่มจาก ตอนที่เริ่มบ้าจะศึกษาสัตว์เขาหินปูนในสระบุรีนี่แหล่ะ ตอนนั้นเปิดหนังสือ Mammals of Thailand ของหมอบุญส่ง แล้วก็พบว่ามีหนูอยู่สองชนิดที่เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของประเทศไทยและเจอครั้งแรกบนถ้ำในเขาหินปูนจังหวัดสระบุรี
ในหนังสือหมอบุญส่งเขียนบรรยายไว้ว่า ท่านมีบ้านพักอยู่ริมเขาหินปูนที่มีลำธารไหลผ่านในเขตจังหวัดสระบุรี นักวิจัยที่ไปสำรวจบนเขาแถวนั้นเจอหนูถ้ำและหนูขนเสี้ยนเขาหินปูนสระบุรี ในถ้ำบนเขาหลังบ้านท่าน ตอนนั้น นอกจากภาพขาวดำในหนังสือ โลกไม่เคยเห็นว่าหนูขนเสี้ยนเขาหินปูนสระบุรีหน้าตาเป็นยังไง หนูถ้ำหน้าตาเป็นยังไง ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ลองผิดลองถูกอยู่หลายรอบ จนหาเจอว่าเป็นถ้ำไหนอย่างไร ผมหาหนูถ้ำไม่เจอ แต่ได้ภาพตัวเป็นๆของหนูขนเสี้ยนเขาหินปูนสระบุรี และตีพิมพ์ภาพสีในนิตยสารคดีเป็นครั้งแรกของโลก (น่าจะนะ) และในถ้ำตรงนั้น ผมเจอตุ๊กกายชนิดหนึ่ง ที่ตอนแรกผมเขาใจว่าเป็นตุ๊กกายลายผีเสื้อ ซึ่งมีจุดเก็บตัวอย่างต้นแบบอยู่ในละแวกนั้น หลายปีผ่านไป เราจึงพบว่าตุ๊กกายชนิดนั้นไม่ใช่ตุ๊กกายลายผีเสื้อ และก็กลายมาเป็นตุ๊กกายถ้ำเขาน้ำพุ ที่เพิ่งบรรยายใหม่ไปในที่สุด
5.Cyrtodactylus panitvongi ตุ๊กกายถ้ำลพบุรี ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์เป็นเกียรติ กับครอบครัวของผม “ผาณิตวงศ์” ชนิดนี้ต้องขอบคุณน้องเต้เป็นอย่างมาก น้องเต้เป็นนักดูนกอีกคนที่ผันตัวมาดูน้องตุ๊กในตอนกลางคืนด้วย เต้เป็นคนที่ชวนผมว่าพี่ไปกัน พี่ไปเหอะ พี่ว่างวันไหน พี่ไปๆๆๆกันเหอะ คือชวนจนลุงหมดไฟคนนี้ลุกขึ้นมาขอภรรยาออกเที่ยวกลางคืนอีกครั้ง
ตัวเป้าหมายของเราสองคนคืนนั้นคือตุ๊กแกประดับดาว สกุลตุ๊กแกบ้านที่มีพื้นลำตัวสีเทาเข้มและมีจุดสีขาวกระจายไปทั้งตัว ผมกับเต้ไปถึงหมายซึ่งเป็นถ้ำแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดลพบุรีตอนค่ำแล้ว ถ้ำที่นี่ เริ่มจากต้องเดินขึ้นเขาไปก่อนแล้วค่อยๆมุดกลับลงมาออกอีกทาง เราก็ทำไปตามนั้นเจอตุ๊กแกตัวเป้าหมายแต่ถ่ายรูปกันได้ไม่สวยเท่าไหร่ ก็เลยเดินวนไปวนมากันอยู่ที่ปากถ้ำด้านบน วนกลับมาที่ปากถ้ำด้านล่าง
ปากถ้ำด้านล่างเป็นรูเล็กๆกลมๆเส้นผ่าศูนย์กลางสัก 2-3 เมตรได้ เป็นทางชันลงไป สูงสักเท่าหลังคาตึก 2 ชั้นโดยมีบันไดเหล็กให้ปีนลงไปได้ ตอนผมกับเต้เดินไปถึง ตุ๊กแกประดับดาวตัวหนึ่ง เป็นตัวเต็มวัยสีดำจุดขาวสวยมากๆ เกาะอยู่ในถ้ำใกล้ทางออกมาก แต่พอมันเจอแสงไฟ มันก็พุ่งหายวับเข้าไปในซอกทางขวามือ เต้รีบตามลงไป ตามองทางขวาตลอดเพราะต้องการหาตุ๊กแกตัวนั้นให้เจอ แต่มันหายเข้าซอกไปไหนแล้วไม่รู้
ผมปีนตามเต้ลงไป ด้วยความที่รู้ว่าตุ๊กแกตัวนั้นมันหายไปแล้ว ผมเลยลองมองทางซ้ายบ้าง แล้วในซอกหลืบหินทางซ้าย ผมก็เจอตุ๊กกายที่สวยที่สุดชนิดหนึ่งที่เคยเห็นมา มันมีพื้นลำตัวสีเหลืองสว่าง ลายปล้องสีน้ำตาลยึกยัก เห็นปั๊ปก็รู้เลยว่าเป็นชนิดใหม่แน่ๆ เป็นอีกครั้งที่ต้องขอบคุณเต้ คือนอกจากจะเป็นคนชวนออกมาแล้ว น้องยังหันขวาตลอด ไม่หันซ้ายมาเจอเจ้านี่ก่อนผม 555
ความมหัศจรรย์ของชนิดนี้อีกอย่างคือ ถ้ำนี้มีนักวิจัยสัตว์เลื้อยคลาน ปีนเข้าปีนออก ผ่านไปผ่านมา ในช่วงหลายปีมานี่ ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว มีทั้งตุ๊กแกและจิ้งจกชนิดใหม่จากถ้ำนี้เลย แต่ตุ๊กกายกลับไม่เคยโผล่ออกมาให้ใครเห็นเลย จนกระทั่งผมไปเจอในวันนั้น
หลังจาก 21 ปีผ่านไป น้องตุ๊กน้องจิ้งชนิดใหม่ผ่านตาผ่านมือมาเป็นสิบชนิด หลังจากคุยกับพี่น๊อทแล้ว ก็เลยขอคุณพี่และเพื่อนๆว่า เจอมาหลายชนิดเต็มทนแล้ว ไฟก็ติดๆดับๆ ไม่รู้หลังจากตัวนี้แล้วชีวิตนี้จะเจอชนิดใหม่กับเค้าอีกไหม “ตัวนี้ขอชื่อผมแล้วกันนะครับพี่”
ขอบคุณ
เพื่อนฝูงพี่น้องทุกท่านตั้งแต่ในอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าตอนนี้เราจะยังรักกันอยู่หรือไม่ก็ตาม ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุดนี้
คณะผู้บรรยายและผู้ร่วมบรรยายทุกท่านที่ให้เกียรติกระผมและครอบครัวในครั้งนี้ ขอบคุณอีกสองครั้งครับ
ปล. ใครที่สงสารน้องเต้หันขวา ก็ไม่ต้องสงสารแกนะครับ เพราะแกมีจิ้งจกดินน้องเต้ ตัวสวยของแกแล้ว ตุ๊กกายนี่ก็ให้ลุงเหอะ
เบื้องหลังการถ่ายทำ
No photo description available.
1.คืนแรกเมื่อ 21 ปีที่แล้ว หลังจากขึ้นมาบนรถขับออกมาหาที่พัก
กุ่ย: นณณ์ เมื่อกี้ตอนเดินมึงเห็นยายห่มขาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งหน้าถ้ำใช่ไหม?
นณณ์: ไม่
กุ่ย: จริงดิ
แล้วบนรถก็เงียบงัน
2.เช้าวันแรกที่ถ้ำน้ำพุ ด้านล่างจะมีวัดซึ่งมีหมาอยู่หลายสิบตัว ถ้ำจะอยู่บนเขาต้องปีนขึ้นไปพอควร จากปากถ้ำเดินออกมา จะมีหน้าผาชันที่มองลงไปด้านล่างได้ ด้านหลังจะเป็นชะง่อนผาที่มีพระพุทธรูปวางอยู่หลายองค์ด้วยกัน
อากาศดีๆยามเช้า ผมเดินออกไปชมวิวที่หน้าผา “บรู้วววววว บรู้ววววววววว” น้องจรด้านล่างพร้อมใจกันหอน
ผมไปถ้ำนั้นสัก 5-6 ครั้งได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้งที่เท้าเหยียบลงที่หน้าผาตรงนั้นคราใด “บรู้วววววววววว” ทุกที ขนลุกทุกที